การเปลี่ยนแปลงสมัย ร.๕(พ.ศ.๒๔๑๑-๒๔๕๓)
• ร.๕ ขึ้นครองราชย์ พระราชอำนาจถูกจำกัดด้วยอำนาจของขุนนางเก่า(สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์)
• การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างกลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่มขุนนางเดิมช่วงปี พ.ศ.๒๔๑๖(ร.๕ทรงบรมราชาภิเษกครั้งที่ ๒) จนถึง พ.ศ. ๒๔๒๕เมื่อสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ถึงแก่อสัญกรรม
• ผู้นำสยามแบ่งเป็น ๓ กลุ่ม คือ
(๑) Young Siam ร.๕ เป็นผู้นำ
(๒) Conservative Siam สมเด็จเจ้าพระยาฯ เป็นผู้นำ
(๓) Old Siam กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ เป็นผู้นำ
– บทบาททางการเมืองของกลุ่มสยามหนุ่ม เริ่มปฏิรูปทางการเมืองและพยายามขจัดอิทธิพลของขุนนางรุ่นเก่า
- ออก น.ส.พ.การเมืองเล่มแรก “ดรุโณวาท” กระบอกเสียงของกลุ่ม
- ตั้งหอรัษฎากรพิพัฒน์ เพื่อทำลายแหล่งรายได้ของขุนนางเก่า
- ตรากฎหมายและตั้งสถาบันทางการเมืองเพื่อสนับสนุนการต่อสู่เพื่อพระราชอำนาจของ ร.๕
* พ.ร.บ.เคาท์ซิลออฟสเตท (ตั้งที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน)
* พ.ร.บ.ปรีวิวเคาท์ซิล (ตั้งที่ปรึกษาในพระองค์)
- การตั้งหอรัษฎากรพิพัฒน์ = ปฏิรูปการคลัง เป็นก้าวแรกของการปฏิรูประบบบริหาร เพื่อให้มีการจัดเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพ และป้องกันไม่ให้มีการคอรัปชั่น ส่งผลให้มีการถอดถอนขุนนางชั้นผู้ใหญ่(ที่คอรัปชั่น) รายได้พระคลังเพิ่มขึ้น
กลุ่ม ร.ศ. ๑๐๓ กับข้อเสนอปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการปกครอง
• มกราคม ๒๔๒๗(ร.ศ.๑๐๓) กลุ่มราชวงศ์และขุนนางที่เป็นคณะทูตไทยในยุโรป ถวายความเห็นจัดการเปลี่ยนแปลงราชการแผ่นดิน ร.๕(เป็นแผนพัฒนาการเมืองฉบับแรกของไทย)
• ชี้ภัยจากลัทธิจักรวรรดินิยมในยุโรป มักใช้ข้ออ้าง ๔ ประการ
(๑) ยุโรปเป็นชาติศิวิไลซ์ ต้องมาจัดการบ้านเมืองประเทศด้อยพัฒนา
(๒) ประเทศด้อยพัฒนามีระบบการปกครองขัดขวางชาติที่เจริญแล้ว
(๓) เมื่อจัดการบ้านเมืองไม่เรียบร้อยส่งผลกระทบต่อประโยชน์ของชาว
ยุโรปในการค้าขาย จึงต้องเข้ามาเปลี่ยนแปลงการปกครองใหม่
(๔) ประเทศในเอเชียไม่เปิดการค้าขายกับชาติในยุโรป เป็นการเหนี่ยวรั้งความ
เจริญของชาวยุโรปที่ไม่อาจมาทำการค้าขายได้ และไม่สามารถนำวัตถุดิบใน
ประเทศด้อยพัฒนาไปป้อนอุตสาหกรรมในประเทศยุโรปได้
• การปฏิรูปการปกครอง ๒๔๓๕ เป็นการแบ่งแยกแจกแจงหน้าที่การบริหารในกระทรวง กรม ไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารมากกว่าการเปลี่ยนแปลงขอบเขตหน้าที่และกิจกรรมการบริหาร
• รัฐสมัย ร.๕ เน้นหนักการรักษาความสงบปลอดภัย การรวมอำนาจไว้ที่ศูนย์กลาง มุ่งเก็บภาษีเข้าพระคลัง
• การปฏิรูปการปกครอง ๒๔๓๕ ส่งผล ๓ ประการ
๑. ปฏิรูปการคลัง ปรับปรุงรูปการปกครอง จัดการบริหารให้ทันสมัยลดความซ้ำซ้อน และจัดแบ่งงานระหว่างกระทรวงให้ชัดเจน
๒. มีผลทำให้ ร.๕ อาศัยเป็นเหตุเปลี่ยนตัวเสนาบดีชุดเก่าที่ล้าสมัย และไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามพระราชประสงค์
๓. เป็นการนำผู้มีความคิดก้าวหน้าและรุนแรงสมัยนั้น และมีศักยภาพที่จะท้าทายอำนาจของผู้นำ(counter elite) เช่น กรมพระนเรศร์วรฤทธิ์ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิธาดา เข้ามาอยู่ในคณะเสนาบดีชุดใหม่ เป็นศูนย์อำนาจใหม่
• การพัฒนาการเมืองจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองสมัย ร.๕
๑. มีการดึงอำนาจกลับมาสู่พระมหากษัตริย์
๒. มีการแบ่งแยกแจกแจงหน้าที่ของระบบบริหารให้ชัดเจนขึ้น
๓. มีการรวมอำนาจของรัฐให้มีขอบเขตกว้างขวางและสามารถควบคุมอาณาเขตต่าง ๆ ภายในรัฐให้กระชับแน่นขึ้น ภายใต้การปฏิรูปการบริหาร การจัดรูปการปกครองมณฑลเทศาภิบาลที่เป็นตัวเชื่อมการปกครองส่วนกลางกับการบริหารราชการส่วนภูมิภาค
๔. มีการเปลี่ยนคณะเสนาบดี
• การพัฒนาการเมือง เป็นการรวมอำนาจรัฐเข้าสู่ส่วนกลาง เป็นขั้นตอนแรกการพัฒนาการเมือง แต่ยังไม่นำระบอบการปกครองแบบรัฐสภามาใช้
แสดงความคิดเห็น